ผ่าตัดตกแต่ง จมูกและปาก

ถึงรอบผ่าตัดครั้งที่ 3 แล้วนะ ตามรอบที่เราต้องทำกัน

ปะป๊าพาภูผามา admit ก่อนตอนบ่ายสอง ต้องมานอนก่อนผ่าตัดตอน 9 โมงของอีกวัน ช่วงนี้กำลังชอบพวกหุ่นยนต์ transformer อะไรพวกนี้ เตียงของโรงพยาบาลที่ปรับได้เลยกลายเป็นยานอวกาศ ที่มันปรับขึ้นลง ปรับเอียงได้ ตามจินตนาการ 555+

ภูผาต้องงดข้าว งดน้ำ ตั้งแต่เที่ยงคืน พยาบาลมาถามเรื่องฟันโยก และยาที่กินอยู่ ภูผามีฟันโยกก่อนหน้านี้ ปะป๊ากับแม่ก็ลุ้น ๆ ว่าอยากให้มันหลุดก่อนหน้าผ่าตัด และมันก็หลุดจริง ๆ 1 วันก่อนเข้า admit จริง ๆ โล่งไปเรื่องนี้ ส่วนเรื่องยา ก่อนหน้าก็เพิ่งกินยาฆ่าเชื้อ Augmatin หมดครบ 7 วันไปก่อนเข้า admit และยาแก้แพ้กับซูโดคืนก่อนหน้า ก็ต้องแจ้งพยาบาลเอาไว้ ตอนมาถาม

รุ่งขึ้น พยาบาลมาเจาะแขนเพื่อให้น้ำเกลือตอน 7 โมง และพยาบาลห้องผ่าตัดมารับตัวตอน 8 โมง เพื่อเตรียมตัว คราวนี้แม่เข้าไปกับภูผาที่ห้องผ่าตัดเหมือนเคยเพื่อส่งตัวและเจอคุณหมอ คุณหมอก็ทวนว่าคราวนี้เย็บจมูกและริมฝีปากนะ

ประมาณ 11 โมงกว่า พยาบาลห้องผ่าตัดก็เริ่มเรียก คุณแม่เข้าไปรับตัว สักพักก็ได้ออกมาแล้ว ภูผายังดูมึน ๆ อยู่ ฤทธิ์ยาอยู่ประมาณ 3 ชม

กลับมาถึงห้อง พยาบาลวัดความดัน ภูผาก็ยังคงมึน ๆ กินข้าวได้ 2-3 คำเอง เป็นอาหารอ่อนพวกข้าวต้มของโรงพยาบาล แล้วก็กินต่อไม่ไหว ปะป๊าถามภูผาอยากนอนไหม ภูผาบอกอยากนอน เลยเอนเตียงและให้นอน สัก 30 นาทีก็ตื่นขึ้นมาใหม่ คราวนี้ ดูดีขึ้น

ภูผามีรอยเย็บ ตรงข้างจมูก มีรอยเลือดตรงริมฝีปาก และมีพลาสเตอร์แปะเอาไว้ตรงระหว่างจมูกกับริมฝีปาก ภูผาบอกอยากแกะออก แต่พยาบาลบอกว่าคุณหมอจะมาแกะและทำแผลให้อีกวันนึง คุณพยาบาลมาสอนทำความสะอาดแผลโดยใช้ ถุงสำลีก้านยาว แกะเปิด และเทน้ำลงไปพอให้ชุ่มตรงหัวสำลี พอหมาด ๆ ก็ทำความสะอาดตรงแผล เช้า และ เย็น

ตอนช่วงบ่าย แม่ไปซื้อขนม และผลไม้ให้กินก็กินได้มาก และตอนเย็นก็กินข้าวโรงพยาบาลได้เยอะ ช่วงค่ำ ๆ พยาบาลก็เลยถอดสายน้ำเกลือออก

รุ่งขึ้น คุณหมอมาหาแต่เช้าเลย เปิดพลาสเตอร์และช่วยดูแผลให้ หมอบอกว่าเย็บเป็นแบบไหมแบบด้าย ที่ไม่ใช่ไหมละลายให้ เพราะว่าเริ่มโตแล้ว และเย็บด้วยไหมด้ายแผลจะสวยที่สุด และมีเย็บด้วยไหมละลายด้วยผสมกันด้านในจมูก หมอถามว่าถอดสายน้ำเกลือแล้ว อยากกลับบ้านเลยไหม ภูผาก็เลยบอกว่าอยากกลับ 555+ ปะป๊ากับแม่ก็อยากกลับเหมือนกัน

เย้ ๆ นอนแค่ 2 คืนก็ได้กลับแล้ว จริง ๆ เตรียมตัวมานอน 3 คืนเหมือนคราวที่แล้ว แต่คราวที่ได้ออกเร็วกว่าเดิม ก็ดีเหมือนกันนะ

ปะป๊ากับแม่สังเกตว่าภูผาเริ่มที่จะสังเกตหน้าตาตัวเองละ เวลาไปห้องน้ำก็เหมือนจะดูหน้าตัวเอง และถามว่า ทำไมหน้าไม่เหมือนเดิม ก็เลยต้องบอกภูผาว่ามันบวม เดี๋ยวมันยุบแล้วก็น่าจะโอเค คุณยายน่าจะไม่รู้ว่าภูผาเขากังวลอยู่ ก็บอกภูผาว่า ยายว่าหน้ามันเบี้ยว ๆ นะ อ้าว….หลังจากนั้นก็สังเกตว่าเหมือนภูผาไปส่องกระจกอีกที ทีนี้เลยต้องกำชับคนอื่น ๆ ว่าไม่ต้องไปพูดเรื่องนี้กับภูผาแล้วนะ เดี๋ยวภูผาจะยิ่งกังวล

………………………………………………………………………………………………………………………..

อีก 5 วันคุณหมอนัดดูอีกที เพื่อตัดไหมที่เป็นแบบด้าย มีเลือดออกอยู่บ้าง แต่ว่าภูผาไม่ร้องไห้เลย  จมูกก็ยังมีบวมอยู่บ้างเหมือนกัน คุณหมอบอกว่าดีขึ้นแล้วล่ะ ระยะระหว่างฐานจมูกด้านล่างกับริมฝีปากบนดูเท่ากันทั้ง 2 ข้างละ ถ้าเอา photoshop รีทัชก็แทบจะดูไม่ออกแล้ว (ถึงแม้ปะป๊าจะกังวลอยู่บ้าง เพราะว่าดูเหมือนรูจมูกมันจะยังเล็ก ๆ ไม่กลม ๆ เท่ากับอีกข้าง และปีกจมูกมันยังไม่สมบูรณ์ เพอร์เฟค แบบเป๊ะ  แต่ว่าก็ดีแล้วหล่ะ  หวังว่าโตขึ้นแล้วมันจะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ นะ  แต่ว่าถ้ายังจะต้องแต่งจมูกเพิ่ม ก็ไม่เป็นไร  ยังไงก็ปะป๊ากับแม่ก็ต้องให้ภูผาทำเพิ่มอยู่แล้วหล่ะนะ  คุณหมอนัดอีกที อีก 1 ปีเลย

ตอนนั่งรถกลับบ้าน ภูผาก็มองกระจกในรถอีกทีก็บอกว่า อืม มันเจ๋งดีเหมือนกันนะ ตอนนั้น ปะป๊าก็สบายใจขึ้นเยอะ เพราะว่าก่อนจะมาหาหมอเหมือนภูผาค่อนข้างกังวล  ถึงว่าทำไมเขาถึงเป็นช่วงอายุที่ต้องให้เด็กทำช่วงนี้  เพราะว่าเป็นช่วงที่เด็กกำลังสนใจในหน้าตาของตัวเอง และมีการล้อกันระหว่างเพื่อน ๆ รึเปล่านะ แต่ว่ายังไงโตขึ้น  ถ้ามันยังดูไม่สวย และภูผาอยากมาทำก็บอกปะป๊ากับแม่ได้เลยนะ เราก็จะทำกันใหม่

…………………………………………………………………………………………………………………………

ภูผาเริ่มอ่านหนังสือได้เป็นคำง่าย ๆ ละ  ไม่รู้เหมือนกันว่า ปะป๊าจะให้ภูผาอ่าน บล๊อคที่ปะป๊าเขียนแชร์ให้กับคนอื่นเมื่อไร ไม่รู้ว่าภูผาจะรู้สึกยังไงเหมือนกันนะ แต่ว่ายังไงก็ให้รู้ไว้นะว่า มันเป็นประโยชน์และให้กำลังใจกับคนอื่น ๆ มากเลยนะ รู้ไหม…