แม่อยากจะแชร์เรื่องของ NAM กันบ้าง ถึงวิธีการใส่และวิธีการดูแล
NAM ย่อมาจาก Nasoalveolar Molding หรือเพดานเทียม ที่ภูผาใส่จะมี 2 แบบ
แบบแรกใส่ตั้งแต่ภูผาเกิดได้ 1 วัน เป็นเพดานเทียมแบบบาง วัตถุประสงค์ของการใส่เพดานเทียมแบบนี้ก็เพื่อให้ภูผาสามารถกินนมได้จากขวด หรือบางทีก็สามารถกินนมจากเต้าของแม่ได้ ตอนพาภูผาไปทำ ภูผาไม่ร้องเลย คุณหมอก็ใส่ยางคล้าย ๆ ดินน้ำมัน เพื่อพิมพ์มาทำเป็นบล๊อกเอาไว้ก่อน แล้วค่อยมาทำแผ่นเพดานเทียม
เพดานเทียมแบบนี้จะมีเชือกเอาไว้ดึง เพื่อถอดออกมาล้าง แม่จะใส่ให้ภูผาเฉพาะตอนที่ภูผากินนม หลังจากนั้นแม่ก็จะถอดออก ล้างทำความสะอาด แล้วก็ใส่เอาไว้ในตลับใส่ฟันปลอมที่ใ่ส่น้ำเอาไว้ แบบนี้ใ่ส่ไม่ยาก แล้วภูผาก็ไม่เจ็บ ช่วงแรก ๆ ภูผากินนมจากขวดได้ดีเลย
แบบที่ 2 หลังจากไปหาหมอที่รามา แล้วคุณหมอฟันแนะนำให้ใส่เพดานเทียมแบบที่มีที่ดันจมูก คุณหมอต้องทำเพดานเทียมอัีนใหม่ เพราะว่าอันแรกใช้ไม่ได้มันบาง แบบใหม่ที่คุณหมอจะทำให้จะค่อนข้างหนา แล้วทำด้วยอะคริลิค เพื่อให้สามารถเจียร์เพื่อปรับได้ และติดเหล็กที่ดันจมูกได้ด้วย
แบบนี้จะมีก้านอยู่ด้านหน้าเอาไว้ดึงใส่เข้าหรือดึงออกเพื่อนำไปล้าง และเป็นก้านที่เอาไว้ยึดกับยางที่ติดเทปแล้ว ที่ดามจมูกจะเป็นลวดที่ด้านหนึ่งฝังไปกับเพดานเทียมและอีกด้านยื่นขึ้นมาเพื่อดามจมูกจะมียางด้านปลาย เพื่อใส่เข้าไปในจมูก และมีรูตรงกลางเพดานเทียมเพื่อเป็นรูสำหรับการหายใจ
การล้างทำความสะอาดก็ไม่ยาก ใช้น้ำยาทำความสะอาดขวดนมและแปรงสีฟันค่อย ๆ ล้างตามซอกต่าง ๆ ด้านในเพดานเทียมและด้านนอก รวมถึงลวดและที่ดันจมูก เสร็จแล้วก็มาล้างน้ำต้มสุกแบบอุ่น ๆ อย่าให้ร้อนจัดเพราะจะไปทำให้เพดานเทียมเสียรูปได้
เพดานเทียมแบบนี้เราจะต้องใส่ไว้ตลอดทั้งวัน เพื่อจัดสันเหงือก และ ดันจมูก ทำให้สันเหงือกเข้ามาชิดกันและทำให้จมูกด้านที่แฟบลงไปนั้น สร้างกระดูกอ่อนของจมูกขึ้นมาเป็นรูจมูก เพื่อเตรียมพร้อมก่อนการผ่าตัดริมฝีปาก
มาดูวิธีการใส่ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ค่อนข้างจะยุ่งยาก และต้องใจเย็นๆ เพราะว่าภูผาจะร้องเกือบทุกครั้งที่ใส่ แต่ว่าแม่ลงความเห็นแล้วว่าภูผมไม่ได้เจ็บตอนใส่หรอก น่าจะรำคาญมากกว่า เพราะว่ามีบางครั้งที่ภูผากินอิ่มและอารมณ์ดีภูผาก็ไม่ร้องเลย ช่วงหลัง ๆ ก็จะให้ภูผาดูโมบาย หรือของเล่นที่ภูผาสนใจแล้วถึงจะทำให้ภูผา ภูผาก็จะร้องน้อยลงหรือบางครั้งก็ไม่ร้องเลย
วิธีการใส่
1. เตรียมแผ่นรองติดที่แก้มเป็นตัวกันไม่ให้เทปสีขาวไปติดโดนแก้ม เพราะว่าเทปสีขาวมันเหนียวมาก เวลาลอกออกจะลำบาก เพราะว่ามันจะดึงหนังตรงแก้มและทำให้แพ้ บางทีถ้าระคายมาก ๆ ตอนดึงก็ทำให้เลือดออกซิบ ๆ อยู่เหมือนกัน ตัดแผ่นรองหนังขนาดพอประมาณอย่าให้เล็กหรือสั้นเกินไป เพราะว่าจะทำให้เวลาติดเทปสีขาวแล้วจะรั้งตัวเพดานเทียมไม่ได้
2. ปิดแผ่นรองนี้ลงไปบนแก้มภูผา แนวเฉียง ๆ ระวังอย่าให้ชิดกับลูกตามากนัก
3. เตรียมเทปผ้าสีขาวติดกับยางไว้ ระยะที่พับทบของเทปผ้าให้ยาวพอที่เวลาติดเทปที่ดึงจากเพดานเทียมมาติดบนหน้าแล้ว เทปผ้าสีขาวจะไม่ติดไปโดนผิวหน้า และระยะทบไม่ให้สั้นจนเกินไป เพราะว่ามันจะรั้งแล้วทำให้ที่ทบตรงยางหลุดแล้วยางจะดีดได้
4. ใส่เพดานเทียมที่ล้างทำความสะอาดแล้ว ถ้าจะให้ดีก็ใส่เทปผ้าสีขาวลงไปด้วย โดยใส่ด้านยาว(ด้านที่ไม่เป็นเพดานโหว่)ลงไปก่อน แล้วตามด้วยด้านเทปสั้น เพื่อลดระยะเวลาในการติดเทปให้เร็วยิ่งขึ้น ภูผาก็จะไม่ต้องร้องนาน หลังจากนั้นก็ใส่เพดานเทียมพร้อมกับผ้าเทปที่ห้อยกับที่ก้านของเพดานเทียมลงไป พร้อมกับติดเทปลงไปที่แก้มทั้งสองด้านอย่างรวดเร็ว ยังไม่ต้องให้แน่นมากก็ได้ ตรงที่ดันจมูกให้จมูกสูงกว่าด้านอีกข้างแต่อย่าให้ตึงมากเพราะว่าจะทำให้จมูกด้านในเป็นแผลได้ ถ้าภูผาร้องตอนนี้ ก็เอาภูผาขึ้นมากอดให้หายร้องสักพัก
5. ค่อย ๆ ปรับความตึงของเทปผ้าสีขาวให้แน่นขึ้น ดึงรั้งด้านสั้นเฉียงประมาณ 45 ถึง 60 องศาโดยดึงให้ค่อนข้างตึง ส่วนด้านยาวใช้วิธีการบีบแก้มปิดแบบเฉียงประมาณ 45 องศาแต่ไม่ต้องตึงมากเท่ากับด้านสั้น ดูที่ดันจมูกด้วยให้ดันแล้วตรง ๆ ไม่เบี้ยวไปด้านใดด้านหนึ่ีงเกินไป หลังจากนั้นสังเกตว่าเพดานเทียมห้อยมั๊ย ถ้าไม่แน่นก็เอามือไปด้านเพดานเทียมขึ้นแล้วดูว่าเทปด้านไหนหย่อนก็ปรับด้านนั้นดึงให้ตึงขึ้นและปรับอีกด้านหนึ่งควบคู่เพื่อพยุงแรงกันด้วย
6. สังเกตตอนกินนมว่าเพดานเทียมมันโยกเยกมั๊ย ถ้าติดและดึงได้ดีก็ไม่เขยื้อนหรือเขยื้อนน้อยมาก ถ้าเขยื้อนก็ต้องปรับดึงกันใหม่
7. ตรงที่ดันจมูกถ้าสังเกตว่ามันเข้าไปในจมูกจนเกินไปหรือออกมาด้านนอกจนเกือบจะหลุดออกจากจมูกแล้ว ก็สามารถปรับลวด โดยเอาคีมดัดลวดดัดเข้าหรือดัดออก
8. ติดเทปขาวด้านขวางที่ตัดด้านกลางเข้าไปเพื่อเว้นที่เอาไว้สำหรับจมูก ติดด้านหนึ่งก่อน แล้วทำการบีบแก้มแล้วก็ติดอีกด้านหนึ่ง เพื่อให้ริมฝีปากเข้ามาชิดกันมากขึ้น
หมายเหตุ :
– ควรถอดออกมาล้างทำความสะอาดและเปลี่ยนผ้าเทปสีขาวอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพราะถ้าติดทิ้งเอาไว้นาน ยางจะหย่อนและประสิทธิภาัพในการดึงก็จะลดลง จึงควรเปลี่ยนอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
– อย่ามัดมือหรือช่วยกันจับมือจนแน่น เพราะเคยได้คุยกับผู้ปกครองคนหนึ่ง เวลาทำเขาก็จะให้คนอื่นช่วยกันจับตัวจับมือแน่น เพราะว่ากลัวดิ้นแล้วจะทำไม่สะดวก ทีนี้ตอนหลังพอเวลามีคนเข้าไปจับมือเด็กจะผวาและกลัวหรือระแวงเพราะว่ากลัว ดังนั้นควรจะใช้ิวิธีการหลอกล่อวิธีอื่นเช่นให้ดูโมบาย คุยเล่นด้วย เพื่อให้เด็กเพลิน ๆ ยังไงเด็กก็จะต้องร้องอยู่แล้วก็อย่าให้ลูกฝังใจ หาวิธีอื่นเบี่ยงเบนแล้วค่อย ๆ ทำกันไปจะดีกว่า