RSS

Tag Archives: พังผืดใต้ลิ้น

ผ่าตัดริมฝีปากแล้วคร๊าบ

และแล้ววันผ่าตัดครั้งแรกที่รอคอยก็มาถึง

16 ธันวาคม  ปะป๊ากับแม่และเหล่าอากู๋,อากิ๋ม,ยาย และอาอี๊มาส่งภูผากันที่โรงพยาบาลรามา  เพราะว่าเราต้องมานอนพักก่อนเข้ารับการผ่าตัดในวันพรุ่งนี้  เราไปติดต่อที่ผู้ป่วยในและได้ขึ้นไปพักที่ชั้น 6 หวอด 5 น่าจะเป็นหวอดเด็ก ที่ตึกศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตน์  ภายในห้องพักเหมือนโรงแรมเลย  ค่อนข้างสะอาดและดูดี  พร้อมกับมีวิวด้านนอกที่เป็นสวนปลูกต้นไม้ด้านนอกอีกด้วย  ภูผาใส่เสื้อของโรงพยาบาลแบบทารก  และ  พยาบาลก็เข้ามาวัดความดันทุกๆ 3 ชั่วโมง  ปะป๊ากับแม่ก็อยู่นอนเฝ้าภูผากันสองคน   ภูผาก็ยังคงร่าเริง และคุยเก่งเหมือนเดิมแต่ในวันรุ่งขึ้นนั้นกลับตรงกันข้ามเลย

17 ธันวาคม  ภูผาต้องอดนมก่อนการผ่าตัด 4 ชั่่วโมงคือเวลาตั้งแต่ตี 5 ห้ามกินนม  แม่เลยปลุกภูผามากินนมตั้งแต่ตอนตี 3:30  ภูผากินไปประมาณ 3-4 ออนซ์  แม่ให้ภูผานอนที่อกแม่เพื่อไม่ให้ภูผางอแงและนอนได้นานขึ้น  ประมาณ 7:30 พยาบาลห้องผ่าตัดมารับตัวภูผาเข้าไปที่ห้องผ่าตัด ภูผาก็ตื่นและร้องช่วงนั้นพอดี  โดยแม่นั่งรถเข็นแล้วก็อุ้มภูผาเข้าไปด้านใน  ภูผาเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อผ่าตัดและแม่สามารถเข้าไปส่งได้ถึงข้างในเตียงผ่าตัด  แม่เปลี่ยนเสื้อผ้าเข้าไปด้วย  ส่วนปะป๋าอยู่ด้านนอก  แม่เข้าไปด้านในห้องเตรียมเพื่อรอเวลาเข้าห้องผ่าตัด  แม่อุ้มภูผาเอาไว้ตลอดภูผาก็ร้องไห้ตลอดเลย  น่าจะเป็นเพราะว่าภูผาหิวนมแล้วหล่ะ

551216_untitled003

เวลาประมาณ 8:30 พยาบาลเรียกเข้าห้องผ่าตัด  แม่และภูผาเราสองคนสำรวจห้องผ่าตัดว่ามีอุปกรณ์ใช้สำหรับผ่าตัดเยอะมาก ที่แปลกคือว่าตอนเข้าห้องผ่าตัดภูผากลับไม่ร้องไห้เลย สงสัยตื่นตาตื่นใจได้เห็นอะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ แม่รอซักพักแม่ก็ได้เจอกับคุณหมอผ่าตัด(อาจารย์ เฉลิมพงษ์)    อาจารย์หมอเอาเพดานเทียมออก  และเตรียมเฝือกให้ภูผาระหว่างที่รอหมอวิสัญญี  พอหมอวิสัญญีมาถึงก็บอกให้แม่อุ้มภูผาไปนอนบนเตียงผ่าตัด  แล้วหมอก็เอาเหมือนที่ครอบออกซิเจนมาใส่ครอบจมูก  แล้วก็ค่อย ๆ เพิ่มปริมาณยาขึ้นไป  ไม่ถึงนาทีภูผาก็หลับ  คุณหมอก็ให้แม่ออกมารอด้านนอก ก่อนที่แม่จะออกไปแม่ได้บอกกับอาจย์เฉลิมพงษ์อีกครั้งว่าอย่าลืมให้ตัดพังพืดใต้ลิ้นด้วย อาจารย์บอกว่าขอบคุณมากที่เตือน

surgery2

ผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง  พยาบาลเรียกแม่เข้าไปในห้องผ่าตัด แม่เดินไปหาภูผาที่ห้องพักฟื้น เสียงร้องของภูผาดังมาก แม่เลยเดินตามเสียงไปหาลูก แม่เห็นหน้าภูผาครั้งแรกหลังผ่าตัด ความรู้สึกแม่งงนะ หน้าภูผาบวมๆ ปากบวม ในปากมีคราบเลือดเต็มเลย ตาก็บวม เพราะว่าร้องไห้เยอะแน่ๆ พยาบาลบอกให้แม่อุ้มภูผา เพราะว่าไม่มีอุ่นใดเหมือนอุ่นของแม่ ภูผาจะได้รู้ว่ามีแม่อยู่ข้างๆ แม่อุ้มภูผาซักพัก พยาบาลก็ให้แม่ถือท่อออกซิเจน ให้ภูผาดม เพราะว่าภูผาร้องไห้เยอะมาก แม่ใจคอไม่ดีเท่าไหร่ แต่แม่คิดในใจว่าลูกแม่เข้มแข็งอยู่แล้ว เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ความเจ็บปวดอยู่กับภูผาไม่นานหรอก หมอวิสัญญีเข้ามาคุยกับแม่ว่าไม่ต้องเป็นห่วงภูผาหรอกนะ ภูผานะหิว ไม่ได้เจ็บอะไร ทุกส่วนที่หมอผ่าตัดมียาชาหมด ตอนนี้ยาชายังไม่หมดฤทธิ์ แม่รู้สึกใจชื่นขึ้นมาหมอวิสัญญีพูดกับแม่ว่า อาจารย์ผ่าตัดให้ภูผาออกมาสวยมากทั้งด้านนอก และด้านใน แม่แอบดีใจ สักพักอาจารย์ เฉลิมพงษ์เดินเข้ามาและบอกว่าทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ภูผาจะร้องงองแงจนถึงประมาณเย็นวันพรุ่งนี้ ถึงจะเริ่มกินนมได้ดีขึ้น และอีกสักพักหนึ่งก็ให้นมภูผากินได้เลย และอาจารย์ก็ออกไป  ผ่านไปสักพักภุผาก็ยังไม่เงียบพยาบาลก็เลยบอกว่าเดี๋ยวจะไปบอกป๊าให้ไปเอานมมาให้ภูผากิน ปะป๊าก็เลยขึ้นไปเอานมบนห้องลงมา แม่รู้สึกว่าป๊าขึ้นไปเอานานมากเพราะว่าระหว่างนั้นภูผาดิ้นไปดิ้ินมา ถีบสายน้ำเกลือที่ติดไว้ที่เท้าออก ทำให้เลือดไหลเต็มเสื้อแม่ พยาบาลรีบช่วยกันแก้ไข  แม่รอไม่ไหวก็เลยไปยืนรอป๊าที่หน้าห้องผ่าตัด พอป๊ามาถึง ป๊าก็ตกใจ  เห็นเสื้อแม่มีเลือดไหล ป๊าก็ถามว่าโอเคมั๊ย  แม่ก็บอกว่าโอ แล้วแม่ก็รีบเอานมไปให้ภูผากิน พยาบาลให้แม่เอานมใส่syling ให้ภูผากิน ในใจแม่คิดว่าวิธีนี้ภูผากินไม่ได้แน่นอน ด้วยนิสัยที่กินเร็วและเยอะมานั่งกินที่ละ 1 ml แบบนี้คงไม่ดีแน่ แต่ก็คงไม่มีวิธีใดดีกว่านี้แล้วแหละ เพราะว่าหมอห้ามดูดขวดนมเด็ดขาด แม่ให้นมไปได้สัก 5 ml ภูผาก็เงียบลง แม่ก็ร้องเพลงกล่อมภูผาจนภูผาหลับ คราวนี้ พยาบาลก็บอกว่าคงต้องเจาะให้น้ำเกลือภูผาใหม่ เพราะว่าภูผายังกินนมไม่ค่อยได้ ภูผาเจ็บอีกแล้วลูก  ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พยาบาลก็แจ้งว่าเดี๋ยวจะให้ไปพักที่ห้องพักได้แล้ว ตอนนั้นก็เกือบเที่ยงแล้วแหละ แม่อุ้มภูผานั่งรถเข็นออกมาจากห้องผ่าตัดเห็นป๊ากับยายนั่งรออยู่หน้าห้อง คงกำลังรอลุ้นอยู่ละมั้ง

surgery4

surgery3

ปะป๊าว่าคุณหมอเขาเย็บสวยเชียว  ตอนนั้นยังดูบวม ๆ อยู่ตรงด้านหน้าซีกซ้ายของภูผาบริเวณริมฝีปากกับจมูก  ตรงแก้มมีรอยเลือดแดง ๆ น่าจะคุณหมอเอาอะไรมาแปะไว้  แล้วตอนลอกออกแล้วมันทำให้เป็นแผล  เหมือนตอนที่แม่ลอกเทปออกจากหน้าภูผาแล้วมันเป็นแผลนั่นแหละ  ปะป๊าว่าดูหน้าตาภูผาก็เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนที่ใส่เพดานเทียมอีกนะ  ภูผาหน้าตาจริง ๆ เป็นแบบนี้เหรอ  น่ารักเชียววุ๊ย  พอขึ้นไปที่ห้อง  ภูผาก็ร้องเป็นระยะ ๆ ซึ่งปะป๊ากับแม่ไม่รู้เลยว่าภูผาหน่ะ หิวหรือว่าเจ็บแผลกันแน่  แต่พยาบาลให้ยาแก้ปวดทางสายน้ำเกลือ 1 ครั้ง ซึ่งภูผายังกินได้ไม่เยอะ  ปะป๊ากับแม่ก็ลองใช้ขวดนมพิเศษ  ซึ่งมันไหลเยอะมากเลย  แค่คว่ำขวดนมลงก็ไหลแล้ว  ต่างกับไซริงค์ที่สามารถค่อย ๆ บีบออกมาทีละหยดได้  แต่ว่ามันก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป  ด้วยนิสัยการกินของภูผา  ด้วยความเจ็บปวด  และด้วยท้องภูผาที่น่าจะอืดและยังรับนมที่กินไปไม่ค่อยได้  ปะป๊ากับแม่ก็อุ้มภูผาเกือบจะตลอดเลยในช่วงที่ภูผาตื่น  และตอนนอนก็พยายามให้ภูผานอนที่อกเพื่อให้ภูผานอนได้นานขึ้น  ภูผาร้องไห้น่าสงสารมาก ๆ เลย  ร้องจนตาบวมเพราะว่าตอนร้องน้ำตาภูผาก็ไหลตลอดเวลาเลย  ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ถ้าร้องหิวนมก็จะร้อง ๆ แต่น้ำตาไม่ค่อยมี  ภูผาอาจจะเจ็บปากแล้วก็คงเจ็บลิ้นด้วย  เพราะว่าผ่าตัดพังผืดใต้ลิ้น  แล้วดูภูผายังไม่คุ้นกับลิ้นที่ไม่มีพังผืด  เพราะว่าภูผากระดกลิ้นตลอดเวลาเลยตอนร้อง  ไม่รู้จะทำยังไงก็ได้แต่กอดภูผาแน่น ๆ  ให้รู้ว่าปะป๊ากับแม่ก็อยู่ใกล้ ๆ หนูอยู่นะ  เอาใจช่วยภูผาอยู่  แต่ยังไงภูผาก็ผ่านมันมาได้  ภูผาอดทนและเก่งมาก ๆ เลยนะรู้ตัวมั๊ยลูก  วันแรกภูผากินไปได้ประมาณ 6 ออนซ์  ซึ่งจริง ๆ แล้วก่อนผ่าตัดจะได้ประมาณ 24-28 ออนซ์  จึงต้องให้น้ำเกลือภูผาต่อไปจนข้ามคืนไปอีก 1 วัน  หลังจากฉีดยาแก้ปวดเข้าทางสายน้ำเกลือ  หลังจากนั้นพยาบาลเปลี่ยนเป็นให้ยาแก้ปวดโดยการกินแทนเป็นพาราเซตามอลแบบน้ำ  กินไปสองครั้ง  ครั้งที่ 2 ปะป๊าไม่ค่อยอยากให้ภูผากินยาเยอะ ๆ แต่แม่ทนไม่ไหว  เพราะว่าภูผาร้องเหลือเกิน  แม่คิดว่าคงไม่ใช่ร้องหิวแล้วหล่ะ  น่าจะร้องปวดมากกว่าเลยขอยาพยาบาล  ภูผาถีบสายผ้าเทปที่พันขาภูผาเพราะว่าต้องดามเอาไว้ให้น้ำเกลือที่ขาจนมันหลุดไป 2 ครั้ง  พยาบาลต้องมาทำให้ภูผาใหม่  ภูผากับแม่นอนเตียงโรงพยาบาลาง ๆ กันข้าง ๆ กัน

551217_untitled026

รุ่งขึ้นปะป๊าตื่นมาเห็นภูผาตื่นพอดี  ภูผาน้ำตาคลอ ๆ แล้วก็มองหน้าปะป๊า  แววตาใสซื่อคู่นั้นทำให้ตอนนั้นปะป๊ากลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่เลย  รู้สึกสงสารภูผาจับใจ  แม่ก็บอกว่าเมื่อคืนเห็นภูผาตื่นขึ้นมาเหมือนกัน  เห็นภูผามองแม่  แม่ก็คิดโทษตัวเองว่าทำไมภูผาตื่นมาแล้วแม่ถึงไม่รู้  แม่สงสารภูผาก็ร้องไห้ออกมา  สรุปแล้วคืนนั้นปะป๊ากับแม่ก็ร้องไห้โดยไม่ได้นัดหมายกันเลย

Surgery1

วันนี้ภูผากินได้ค่อนข้างเยอะขึ้นแล้วหล่ะ  ตอนเช้าก็ยังพอกินได้ดีขึ้นบ้างจากเมื่อวาน  แต่พอถึงตอนเย็นภูผาก็เริ่มฟื้นกลับมาเป็นภูผาที่กินเยอะและร่าเริงพูดเก่งถึงจะยังไม่เหมือนเดิมทีเดียว  แต่ก็มีท่าทีที่ดีขึ้น  ปะป๊ากับแม่ก็สบายใจแล้วหล่ะ  ตอนบ่าย ๆ ภูผาดิ้นอีกตามเคย  แล้วสายน้ำเกลือมันก็หลุดจากขาภูผา  เอาหล่ะ  จะต้องเจาะใหม่รึเปล่า  เพราะว่าการเจาะน้ำเกลือเด็กทารกเป็นเรื่องที่ยากมากเลยนะ  โดยเฉพาะภูผาที่ดิ้นเก่งมาก  สรุปแล้วพยาบาลโทรหาอาจารย์หมอ  อาจารย์หมอบอกว่าไม่ต้องให้น้ำเกลือแล้วหล่ะ  โชคดีไปว่าภูผาไม่ต้องเจ็บตัวอีก  วันนี้สรุปแล้วภูผาก็กินไปได้ 12 ออนซ์เลยนะ  ครึ่งนึงของที่เคยกินที่บ้านเลยหล่ะ  คุณหมอเข้ามาเยี่ยมภูผาตอนประมาณ 1 ทุ่ม  ก็ดูแผลภูผาและบอกว่าพรุ่งนี้คงจะกลับบ้านได้แล้วหล่ะ  และบอกว่าเฝือกที่ใส่เนี่ยใส่แค่ 7 วัน  หลังจากนั้นก็เอาออกได้  แล้วก็กินขวดนมปกติได้เลย ส่วนที่มีเมือกเคลือบปิดตรงแผลตั้งแต่ตอนผ่าตัดนั้นไม่เป็นไร  มันเอาไว้กันน้ำนม  กลับบ้านก็เอาน้ำเกลือค่อย ๆ เช็ด

551217_untitled032

551218_untitled046

รุ่งขึ้นวันสุดท้ายของการนอนโรงพยาบาล  ปะป๊าไปทำงานครึ่งวัน  อาจารย์หมอเข้ามาเยี่ยมภูผาตอนช่วงเช้า  ดูแผล  และชมภูผาด้วยนะว่าจมูกของภูผาหน่ะขึ้นดีเลย  เด็กน้อยคนที่จะขึ้นได้ดีขนาดนี้  และยังฝากชมไปยังหมอฟันที่ทำเพดานเทียมให้กับภูผาด้วยหล่ะ  แม่ก็เลยภูมิใจที่ความพยายามของแม่นั้นได้ผล  หลังจากนั้นก็ไปจ่ายเงินและแต่งตัวให้ภูผาเพื่อออกจากโรงพยาบาล  ได้ยาแก้ปวดกับยาแก้อักเสบให้ภูผากินตอนอยู่ที่บ้าน  แล้วประมาณบ่ายโมงกว่าปะป๊าก็มารับภูผากลับบ้าน

ช่วงอยู่บ้านก็กินนมโดยใช้ขวดนมพิเศษและยังสลับกับการใช้ไซริงค์เหมือนเดิม  เพราะว่าบางทีภูผากินขวดนมพิเศษที่นมไหลมาก ๆ ก็สำลัก  ก็ต้องให้ไซริงค์  แต่บางทีให้ไซริงค์แล้วนมไหลไม่ท้นใจภูผาก็ร้องไห้อีก  แต่หลัง ๆ ภูผากลับชอบกินยาแก้อักเสบที่ให้ผ่านไซริงค์  น่าจะเป็นเพราะว่ามันมีรสหวาน ๆ ภูผาคงชอบ  บางทีร้อง ๆ แต่พอให้กินยาก็หยุดร้องแล้วก็กินยาใหญ่เลย  ก็ฉวยจังหวะโอกาสนี้เอาไซริงค์ดูดนมให้ภูผากินไปด้วยทีเดียวเลย  ภูผาก็กลับมากินได้ประมาณ 18-20 ออนซ์ต่อวันแล้วหล่ะ

พุธที่ 26 ธันวา  พอภูผาไปถอดเฝือก อาจารย์หมอบอกว่าสามารถกินนมได้ตามปกติแล้ว  ภูผาเอามือเข้าปากหรือจมูกได้ไม่เป็นไร  ส่วนที่มีเมือกเคลือบปิดตรงแผลยังพอมีอยู่  ก็เอากรรไกรตัดเล็บเล็มตรงที่มันกำลังจะหลุดก็ได้  เอาน้ำเกลือเช็ด  เดี๋ยวมันก็จะหลุดออกไปเอง  และอาจารย์หมอดูจมูกแล้วก็บอกกับปะป๊าว่าถ้ามองจมูกจากทางด้านบนหรือด้านหน้าจะดูเท่ากันนะ  แต่ถ้ามองแหงนขึ้นไปดูรูจมูกจะดูว่ามันยังไม่เท่ากัน  รูจมูกด้านซ้ายของภูผาจะเหมือนมีเนื้อเล็ก ๆ ลงมาปิด  ซึ่งมันจะเป็นแบบนี้ต่อไป  โตขึ้นกว่านี้ก็จะยังเห็น  เดี๋ยวเราค่อยมาตัดแต่งกันตอนช่วงอายุที่จะต้องทำการตัดแต่งจมูกประมาณอายุ 6 ขวบ  อาจารย์หมอบอกว่าขั้นต่อไปก็เหลือผ่าตัดเพดาน  อาจารย์ถามว่าภูผาเกิดวันไหน  ปะป๊าบอกว่า 6 กันยา  อาจารย์หมอเลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นผ่าตัดเพดานก็น่าจะประมาณ สิงหาหรือกันยาปีหน้า 2556  อาจารย์นัดภูผามาดูอีกที 4 เดือนนับจากนี้  ก็ตรงกับวันที่ 24 เมษายน 2556  ซึ่งอาจารย์นัดอาจารย์หมอแผนกหู คอ จมูกเอาไว้ให้ด้วย  เพื่อไปให้อาจารย์หมอเชคว่า  หูปกติรึเปล่า  ปะป๊าเลยบอกว่าเรื่องนี้แม่กังวลใจอยู่  อาจารย์เลยบอกว่าหูผิดปกติมีหลายแบบ  หูหนวกแต่กำเนิด  หรือแบบที่สองคือเกิดมาปกติ  แต่ก็จะค่อย ๆ เป็นหูอักเสบ  หูน้ำหนวก ไปเรื่อยๆ  แต่ถ้าแบบหลังเนี่ยสามารถรักษาได้ไม่น่าเป็นห่วง  ปะป๊าเลยบอกว่าเคยตรวจการได้ยินมาตอนเกิดใหม่ ๆ แล้วภูผาได้ยินข้างเดียว  แต่จำไม่ได้ว่าเป็นข้างไหน  อาจารย์เลยบอกว่าไม่เป็นไร  ตอนนั้นน่าจะตรวจแบบหยาบเดี๋ยวคราวหน้าที่ไปหาหมอ หู คอ จมูก คงได้ตรวจแบบละเอียดอีกครั้ง  ถ้าผิดปกติหรือว่าต้องมีการผ่าตัด  จะได้ผ่าตัดพร้อมกันทีเดียวไปเลยตอนที่ทำเพดานเทียม

 

ป้ายกำกับ: , , , , , , , , , ,

หาหมอครั้งสุดท้ายก่อนผ่าตัดริมฝีปาก

photo (32)

แม่พาภูผามาหาหมอศัลยกรรมวันที่ 28 พฤศจิกายน  เป็นการนัดอาจารย์หมอเพิ่มเติมเพราะว่าลืมบอกหมอไปว่า  ให้หมอผ่าตัดพังผืดใต้ลิ้นให้ด้วย  ซึ่งพังผืดนี้ป๊าก็มีแต่เพิ่งให้หมอฟันผ่าเมื่อตอนโตแล้ว  เคยปรึกษาหมอฟัน  แล้วหมอบอกว่าให้ผ่าพร้อมกันทีเดียวตอนผ่าตัดไปเลย  จะได้ไม่ต้องเจ็บตัวหลายรอบ  ซึ่งพอแม่ได้พบคุณหมอ  คุณหมอก็บอกว่า  มันทำได้ง่าย  สบายมาก  ดีแล้วที่มาบอก  จะได้ทำพร้อมกันทีเดียว  ก็ถือว่าครั้งนี้พบหมอศัลยกรรมครั้งสุดท้ายแล้วก่อนการผ่าตัดริมฝีปาก  เจอกันอีกทีกับคุณหมอที่ห้องผ่าตัดเลย

วันรุ่งขึ้น 29 พฤศจิกายน

หมอเด็กนัดไปฟังผลเลือดที่เจาะไปคราวที่แล้ว  คุณหมอบอกว่าที่เลือดจางเป็นปกติของเด็กอายุราว ๆ นี้  เพราะว่าตรวจดูค่าอย่างอื่นแล้วปกติดี  คุณแม่เลยถามหมอเรื่องน้ำหนักของภูผา  เพราะว่าสองอาทิตย์ที่ผ่านมาภูผาขึ้น 3 ขีด  คุณหมอบอกว่าจะว่าน้อยก็น้อยนะ  แต่ก็ค่าก็ยังถือว่ายอมรับได้อยู่  เมื่อเทียบกับค่ามาตรฐานของช่วงเด็กวัยนี้  คุณหมอบอกว่าภูผาเป็นเด็กอารมณ์ดี  คุยเก่ง  เพราะว่าภูผาคุยกับพยาบาลและหมอตลอดเลย

หลังจากนั้น แม่ก็พาภูผามาหมอฟันที่ตึกเก่า  คุณหมอชมภูผา และแม่ใหญ่เลยว่า  จมูกดันขึ้นได้ดีมากเลย  หมอถามแม่ว่าได้ปรับอะไรเพิ่มเติมมั๊ย  หมอก็เลยคุยกับพยาบาลว่าการดึงเป็นสิ่งสำคัญ  แม่เลยบอกคุณหมอว่าคราวที่แล้วที่ไม่ค่อยกล้าดึงเพราะว่าลูกเป็นแผล  แต่หลังจากคราวที่แล้วก็กลับดึงเหมือนเดิม  คราวนี้เลยกลายเป็นครั้งสุดท้ายที่มาหาหมอฟันก่อนผ่าตัดริมฝีปาก  พยาบาลว่าตอนทำลูกร้องไห้เยอะมั๊ย  แม่ก็เลยบอกว่าตอนแรก ๆ ก็ร้องเหมือนกัน  ก็พยายามหาเทคนิคต่าง ๆ ซึ่งตอนนี้ไม่ร้องไห้แล้วตอนทำ  หลังจากนี้ก็ค่อยมาหา 1 เดือนหลังผ่าตัด  แล้วอีกทีก็โน่น  ตอนฟันซี่แรกขึ้น

คุณหมอชมก็ทำให้แม่รู้สึกภูมิใจว่าความพยายามของแม่นั้นสำเร็จ  เอาไว้วันหลังเดี๋ยวแม่จะเขียนวิธีการใส่เพดานเทียมแชร์ให้กับแม่ ๆ คนอื่นบ้างนะ

คราวหน้าก็เป็นวันผ่าตัดวันที่ 17 ธันวาคม  แต่อาจจะต้องมานอนโรงพยาบาลวันที่ 16 ธันวาคม  ต้องรอพยาบาลโทรมานัดเวลาอีกครั้งนึง

ภูผาจะได้ผ่าตัดแล้ว  รู้สึกดีใจจังเลย  ภูผาจะหล่อแล้วคร๊าบ  และหวังว่าการกินของภูผาก็จะดีขึ้น  เพราะว่าภูผาจะได้ใช้ริมฝีปากดูดได้แล้วน๊า  แต่ไม่รู้ว่าหลังจากผ่าตัดภูผาจะเจ็บแค่ไหน  แต่ยังไงลูกก็ต้องอดทนเอาไว้นะ  เราจะสู้ไปด้วยกันนะครับ

 

ป้ายกำกับ: , , , , , ,